โมบิลสูทกันดั้ม 0080 : วอร์อินเดอะพอกเก็ต (โอวีเอ - 1989)
โมบิลสูทกันดั้ม 0080 (ญี่ปุ่น: 機動戦士ガンダム0080 ポケットの中の戦争 Kidō Senshi Gundamu 0080 (Gundam Double-O Eighty) Poketto no Naka no Sensō ?) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น 1 ในซีรีส์ กันดั้ม ออกแบบตัวละครโดย ฮารุฮิโกะ มิกิโมโตะ ออกแบบโมบิลสูทโดย คุนิโอะ โอคาวาระ และร่วมออกแบบโดย ยูทากะ อิซุบุจิ ผลงานเรื่องนี้มี ฟูมิฮิโกะ ทากายามะ เป็นผู้กำกับ นับเป็นผลงานเรื่องแรกในซีรีส์กันดั้มที่ โยชิยูกิ โทมิโนะ ไม่ได้เป็นผู้กำกับ และถูกสร้างออกมาในรูปแบบโอวีเอ ออกวางจำหน่ายในปี ค.ศ. 1989 มีความยาวทั้งสิ้น 6 ตอนจบ
ในประเทศไทย โมบิลสูทกันดั้ม 0080 ได้รับลิขสิทธิ์จัดทำเป็นวีซีดีและดีวีดีโดย DEX
ในเดือนธันวาคม UC 0079 ช่วงปลายสงคราม 1 ปี สาธารณรัฐรีอา ของไซด์ 6
ที่ยังคงเป็นกลาง ได้เริ่มต้นการเจรจาสนธิสัญญาความปลอดภัยลับๆ
กับฝ่ายพันธมิตร และยอมให้กองกำลังพันธมิตร ตั้งค่ายลับ อยู่บนโคโลนี่ ในระหว่างนั้น ที่ฐานลับของพันธมิตร บริเวณขั้วโลกเหนือ กำลังพัฒนาโมบิลสูทรุ่นใหม่ "กันดั้ม NT-1 อเล็กซ์" ที่ขั้วโลกเหนือ
หน่วยไซคลอปส์ กองกำลังพิเศษระดับสูงของซีออน
ถูกส่งไปที่โลกเพื่อทำลายอาวุธลับที่พัฒนาอยู่ ณ
ฐานทัพพันธมิตรบริเวณขั้วโลกเหนือ ร้อยเอกชไตเนอร์และลูกน้อง
ได้เปิดฉากการโจมตีแบบสายฟ้าแลบทั้งทางบกและในน้ำ
และยังทำลายระบบป้องกันภัยของฐานทั้งหมด
แต่เป็นโชคดีของฝ่ายพันธมิตรที่สามารถส่ง กันดั้ม
ขึ้นไปสู่ห้วงอวกาศได้ทันก่อนที่ะถูกหน่วยไซคลอปส์ทำลาย
ภารกิจของชไตเนอร์ล้มเหลว และเขาสูญเสียเสียแอนดี้ 1
ในลูกน้องฝีมือดีไปขณะที่แอนดี้กำลังจะทำลายกระสวยที่บรรทุกกันดั้มนั้นเอง
ณ ไซด์ 6 โคโลนี่ลิโบ อัล หรือ อัลเฟรด อิซุรุฮะ หนุ่มน้อยวัย 11 ปี
และเพื่อนของเขา
ใช้เวลาว่างแทบทั้งหมดเพื่อที่จะเก็บสะสมทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับทางทหาร
และโมบิลสูท
อัล พนันกับเพื่อนว่ามีโมบิลสูทของฝ่ายพันธมิตร อยู่บนโคโลนี่
และสัญญาว่าถ่ายถ่ายภาพมาให้ดู เนื่องจากพ่อของอัลทำงานอยู่ในบริษัทขนส่ง
อัลจึงเข้าออก สถานีขนส่งของ ไซด์ 6 ได้อย่างง่ายดาย หลังจากกลับบ้าน
อัลได้พบกับ คริส หรือ คริสติน่า แมคเคนซี่ นักบินทดสอบหญิงของฝ่ายพันธมิตร
เพื่อนบ้านของอัลที่ไม่ได้เจอกันราว 3 ปี วันต่อมา เกิดการโจมตีที่ไซด์ 6
โดยฝ่ายซีออนได้เป็นผู้เปิดการโจมตี ระหว่างนั้น อัลได้พบกับ
แซ็คเครื่องหนึ่งที่เสียหายและพยายามลงจอด เขาจึงวิ่งตามแซ็คเครื่องนั้นไป
และพบกับ เบอร์นี่ หรือ เบอร์นาร์ด ไวส์แมน นักบินฝึกหัดของซีออน
หลังจากที่อัลเห็นเครื่องหมายยศของเบอร์นี่
ด้วยความที่เขาเป็นเด็กที่ชื่นชอบทหารอยู่แล้ว
เขาจึงขอแลกเครื่องหมายยศของเบอร์นี่กับ กล้องถ่ายวิดีโอของเขานั่นเอง
ที่ดวงจันทร์ หลังจากกองกำลังซีออนกลับมายังฐานกรานาด้า
หน่วยไซคลอปส์ก็ได้ดูวิดีโอที่เบอร์นี่ได้มาจากอัล
และพบว่าโมบิลสูทที่พวกเขาไล่ล่าที่ขั้วโลกเหนือนนั้น
เป็นเครื่องเดียวกับที่ไซด์ 6
พันโทคิลลิ่ง จอมเจ้าเล่ห์ ได้ส่งหน่วยไซคลอปส์ไปยังไซด์ 6
เพื่อแทรกซึมและค้นหาโมบิลสูทเครื่องนั้น ซึ่งพวกเขาสงสัยว่าน่าจะเป็น
กันดั้ม ที่ออกแบบมาให้นักบินนิวไทป์เป็นผู้ขับโดยเฉพาะ
ชไตเนอร์ต้องการให้คิลลิ่งหานักบินฝีมือดีมาให้หน่วยไซคลอปส์ แทน แอนดี้
ที่ตายไปในภารกิจที่ขั้วโลกเหนือ แต่คิลลิ่งกลับบรรจุ เบอร์นี่
ซึ่งเป็นเพียงนักบินฝึกหัดให้แทน แต่ชไตเนอร์ก็อธิบายแผนการให้เบอร์นี่ฟัง
พร้อมทั้งแนะนำให้เขารู้จักกับ มิฮาอิล คามินสกี้ หรือ มีชา และ กาเบรียล
รามิเรซ การ์เซีย เพื่อนร่วมหน่วยของเขา
ขณะที่กองทัพซีออนกำลังโจมตีไซด์ 6 อยู่นั้น
เบอร์นี่ได้นำยานขนส่งที่ซ่อนเคมป์เฟอร์ (Kaempfer) โมบิลสูท
รุ่นใหม่ของซีออน ที่ยังไม่ได้ประกอบ เข้าเทียบท่าที่ท่าเทียบยานของไซด์ 6
ระหว่างที่หน่วยไซคลอปส์กำลังนำรถบรรทุกไปยังฐานลับของพวกเขา
ระหว่างนั้นอัลเห็นเบอร์นี่ จึงแอบขึ้นรถบรรทุกของการ์เซีย
แต่ก็พลาดตกลงมากลางทาง อัลจึงหันไปหาตำรวจ โดยโกหกว่าถูกรถชนแล้วหนี
เพื่อให้ตำรวจตามหาที่อยู่ของพวกเบอร์นี่ให้ แต่เมื่อไปถึง
อัลเห็นมีชาและการ์เซียกำลังทำท่าเหมือนจะลงมือสังหารตำรวจ
อัลจึงแกล้งทำเป็นร้องไห้ และบอกกับตำรวจว่า
ความจริงแล้วเขาเพียงแค่อยากจะมา เบอร์นี่
พี่ชายที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานเท่านั้นเอง แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
เลยต้องโกหกตำรวจว่าโดนรถชน เพื่อที่ตำรวจจะได้พามา
ซึ่งเบอร์นี่ก็ยอมเล่นละครไปกับอัลด้วย เพื่อตบตาตำรวจ
ช่วงกลางดึก หลังจากที่อัลกลับมาบ้าน คริสเห็นเบอร์นี่ซึ่งหน่วยไซคลอปส์
ส่งมาดูแลพฤติกรรมไม่ให้อัลปากโป้งไปบอกคนอื่นเกี่ยวกับแผนการของพวกเขา
กำลังจะปีนเข้าบ้านอัล ทำให้คริสนึกว่าเป็นขโมย
เลยเอาไม้เบสบอลตีหัวเบอร์นี่อย่างแรงจนสลบเหมือด
แต่อัลก็อธิบายให้คริสฟังว่า เบอร์นี่เป็นพี่ชายต่างแม่ของเขา
คริสรู้สึกผิดเลยชวนทั้งคู่ไปทานน้ำชาในบ้านกับครอบครัวของเธอ
และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คริสและเบอร์นี่ได้รู้จักกัน
วันรุ่งขึ้น หน่วยไซคอลปส์ คิดจะกำจัดเบอร์นี่และอัล
โดยส่งพวกเขาไปสืบเรื่องกันดั้มในที่ซ่อนของฝ่ายพันธมิตร ในขณะที่
ชไตเนอร์นั้น รับข่าวสารที่ให้เบอร์นี่ไปสืบ จากสายลับของซีออน แต่แล้ว
ชไตเนอร์ก็ต้องแปลกใจที่ไม่ได้เป็นไปตามคาด เบอร์นี่กับอัลทำภารกิจสำเร็จ
และยังนำรูปถ่ายของกันดั้มกลับมาให้เขาอีกด้วย หลังจากจบภารกิจ
เบอร์นี่พาอัลไปส่งที่บ้านแล้วบังเอิญเจอคริส ก่อนที่เบอร์นี่จะกลับ
ทั้งคู่จึงกล่าวราตรีสวัสดิ์ต่อกัน
วันดีเดย์ของภารกิจ หน่วยไซคอลปส์ เตรียมการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ทั้งๆ ที่ ชไตเนอร์
รู้ว่าคิลลิ่งเพียงแค่ส่งพวกเขาไปตายเพื่อให้ยืนยันการมีอยู่ของกันดั้มเท่า
นั้น แต่ชไตเนอร์ก็ยังสานต่อภารกิจโดยไม่หยุด ขณะที่ มีชา
ขับเคมป์เฟอร์ซึ่งประกอบเสร็จสิ้น
ออกไปต่อสู้กับกองกำลังป้องกันโคโลนี่นั้น
พวกชไตเนอร์ก็แทรกซึมเข้าไปในฐานของพันธมิตร อัลแอบตามพวกเขาเข้าไปในฐาน
แต่สิ่งที่อัลได้เห็น กลับเป็นการต่อสู้ที่นองเลือด ชไตเนอร์
ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส
การ์เซียจึงพลีชีพด้วยการระเบิดตัวเองเพื่อทำลายกันดั้ม
แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ส่วนมีชาถูกสังหารโดยกันดั้มขณะที่เขากำลังต่อสู้อยู่
ภารกิจของหน่วยไซคลอปส์ ล้มเหลว และในที่สุด ชไตเนอร์
ก็เสียชีวิตในมือของเบอร์นี่
หลังจากที่หน่วยไซคลอปส์ ทำภารกิจล้มเหลว คิลลิ่งจึงตัดสินใจแก้ปัญหาโดยคิดที่จะใช้หัวรบนิวเคลียร์ทำ
ลายกันดั้มไปพร้อมกับไซด์ 6 ซะ เมื่อเบอร์นี่รู้ว่าไซด์ 6 จะถูกทำลาย
เขาเลยตัดสินใจที่จะทิ้งภารกิจและบอกอัลให้หนีไปซะ
แต่อัลพยายามเตือนสติเบอร์นี่ และพยายามบอกตำรวจเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่ตำรวจไม่เชื่อ แต่แล้ว เบอร์นี่ก็เปลี่ยนใจที่จะกลับไปทำลายกันดั้ม
เพื่อปกป้องไซด์ 6 อัลและเบอร์นี่ช่วยกันซ่อมแซ็คของเขาจนเสร็จ
และช่วยกันวางแผนการรบ
เย็นวันคริสต์มาสอีฟ เบอร์นี่ได้ให้เทปบันทึกม้วนหนึ่งแก่อัล และกล่าว
Merry Christmas แก่อัล และยังฝากถึง คริสและครอบครัวของคริสด้วย
หลังจากนั้นเบอร์นี่ก็ใช้เวลาเตรียมตัวสำหรับศึกวันพรุ่งนี้
วันคริสต์มาส อัลและแม่ไปที่ท่าเทียบยาน
เพื่อรอรับพ่อที่ได้เดินทางกลับมาบ้าน ระหว่างทาง อัลได้ยินจากพ่อว่า
กองยานของซีออนที่บรรทุกหัวรบนิวเคลียร์มา ได้ถูกกองกำลังฝ่ายพันธมิตร
โจมตีจนยอมจำนนแล้ว พออัลได้ยินดังนั้น
ก็รีบวิ่งออกไปเพื่อบอกเบอร์นี่ว่าไม่มีความจำเป็นต้องสู้กับกันดั้มอีกแล้ว
ขณะที่เบอร์นี่ได้ขึ้นไปบังคับแซ็คของเขา
เพื่อที่จะล่อกันดั้มไปเขตป่านอกเมือง แต่ทว่า อัลก็มาช้าไป
ทั้งกันดั้มและแซ็ค ต่างก็ทำลายซึ่งกันและกัน ภาพที่ปรากฏต่อหน้าอัลคือ
กันดั้มที่ไร้หัว แทงบีมเซเบอร์เข้าไปในค็อกพิทของแซ็ค
เบอร์นี่เสียชีวิตในหน้าที่ หน่วยแพทย์ของพันธมิตรพบว่าอัลกำลังช็อค
จึงพาตัวอัลไปยังแคมป์พยาบาล
แต่ในขณะที่ทีมแพทย์ได้นำตัวนักบินของกันดั้มที่บาดเจ็บจนหมดสติลงมา
อัลก็ได้เห็นสิ่งที่แทบไม่อยากเชื่อสายตา เพราะนักบินคนนั้นคือ คริส
นั่นเอง
2-3 สัปดาห์ต่อมา สงครามสิ้นสุดลงแล้ว อัลเปิดดูเทปที่เบอร์นี่ให้เขามา
ในเทปนั้น เบอร์นี่กล่าวไว้ว่า ถ้าหากอัลได้ดูเทปม้วนนี้ เขาอาจจะตายไปแล้ว
แต่เขาไม่อยากให้อัลโทษนักบินของกันดั้ม หรือฝ่ายพันธมิตร
เพราะพวกเขาล้วนแต่ทำสิ่งที่คิดว่าถูกต้องที่สุด
และถ้าสงครามสิ้นสุดแล้วเขารอดตาย เขาสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมอัลที่ไซด์ 6
แน่นอน
ในระหว่างที่อัลไปโรงเรียน อัลเจอกับคริสในสภาพใส่เฝือกที่แขนอยู่
เธอบอกอัลว่า เธอต้องกลับไปที่โลกแล้ว และฝากลาเบอร์นี่ด้วย
พออัลถึงโรงเรียนของเขาที่เสียหายจากการต่อสู้ระหว่างกันดั้มและเคมป์เฟอร์
ครูใหญ่กล่าวถึงผู้ที่สูญเสียในสงครามว่า
พวกเขาทุกคนเป็นผู้ที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพ น้ำตาของอัลเริ่มร่วงโรย
เพราะว่าเขาเป็นผู้ที่รู้ซึ้งถึงความโหดร้ายของสงครามโดยแท้จริง
เครดิต... Wikipedia
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น